รายละเอียดเพิ่มเติม :

 

นำเข้าจาก USA

 

1. ลดคอเลสเตอรอล


          ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเผยว่า วอลนัทอุดมไปด้วยโฟเลท วิตามินอี และไขมันชนิดดี ที่แม้จะเป็นถั่วที่ให้แคลอรีค่อนข้างสูง แต่กลับไม่พบว่าวอลนัทเป็นส่วนเร่งน้ำหนักตัวให้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

          นอกจากนี้นักวิจัยจาก Yale University Prevention Research Center ก็ได้เผยข้อมูลการทดลองมาว่า กลุ่มอาสาสมัครที่รับประทานวอลนัทจำนวน 2 ออนซ์ หรือประมาณ 56 กรัม เป็นประจำทุกวันในระยะเวลานาน 6 เดือน จะมีระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้จะไม่ได้คุมอาหารอื่น ๆ ร่วมด้วยเลยก็ตาม

          ดังนั้นนักวิจัยจึงการันตีว่าวอลนัทสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้จริง และจะดีมากหากรับประทานวอลนัทประมาณ 1 กำมือต่อวัน

 



2. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

          วอลนัทเป็นพืชตระกูลถั่วที่อุดมไปด้วยโปรตีน มีไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งนอกจากจะช่วยลดระดับของคอเรสเตอรอลแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ สอดคล้องกับงานวิจัยที่ระบุว่าวอลนัทเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีประโยชน์มากสำหรับหัวใจ อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยปกป้องเยื่อบุหลอดเลือดแดงที่อาจเกิดการอุดตันจนทำให้หัวใจวายได้อีกต่างหาก

 

 

3. ช่วยลดน้ำหนัก

          วอลนัทปริมาณ 1 ออนซ์ หรือราว ๆ 28 กรัม มีปริมาณไฟเบอร์อยู่ 2 กรัม โปรตีน 4 กรัม และกรดไขมันโอเมก้า 3 2.5 กรัม จึงนับว่าเป็นอาหารที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้ โดยเฉพาะคนที่กำลังควบคุมอาหาร การรับประทานวอลนัทสัก 1 กำมือต่อวันจะช่วยให้คุณคอนโทรลแคลอรีของอาหารที่จะกินเข้าไปได้ดียิ่งขึ้น

 


4. ลดความเสี่ยงโรคอ้วนลงพุง

          สารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติต้านการอักเสบในวอลนัทเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยต่อต้านความเสี่ยงโรคอ้วนลงพุงได้ อีกทั้งโปรตีนและไฟเบอร์ในวอลนัทยังจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มท้อง เอื้อให้คุมอาหารได้ดีขึ้น

 


5. ป้องกันโรคเบาหวาน

          ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ลงใน Journal of Nutrition เผยว่า อาสาสมัครที่รับประทานวอลนัทปริมาณ 28 กรัม เป็นเวลา 2 ครั้งต่อสัปดาห์ มีแนวโน้มลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ราว 24% เลยล่ะ

 

 

6. ป้องกันความจำเสื่อม


          ดร.Abha Chauhan และคณะจาก New York State Institute ได้ทดลองให้หนูกินวอลนัทเป็นประจำและพบว่า วิตามินอีและฟลาโวนอยด์ในวอลนัทมีส่วนช่วยทำลายอนุมูลอิสระและเคมีร้ายบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับโรคสมองเสื่อม ทำให้หนูทดลองที่มีภาวะสมองเสื่อมมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
 


7. ลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

          นักวิจัยจาก Marshall University พบว่า หากรับประทานวอลนัทเป็นประจำทุกวัน ในปริมาณไม่ต่ำกว่า 56 กรัม จะช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมได้ โดยอ้างจากการทดลองที่ให้หนูกินวอลนัททุกวัน ซึ่งผลปรากฏว่า หนูทดลองมีแนวโน้มเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมลดลง และมีจำนวนเนื้องอกลดจำนวนลง อีกทั้งหนูที่ถูกวินิจฉัยว่ามีเนื้องอกอยู่ในตัว เนื้องอกเหล่านั้นก็มีขนาดเล็กลงด้วย

 



8. ลดความเครียด

          วอลนัทมีสรรพคุณเด็ดดวงตรงที่ช่วยลดความตึงเครียดได้ เพราะทั้งไฟเบอร์ สารต้านอนุมูลอิสระ กรดไขมันไม่อิ่มตัว โอเมก้า 3 และอัลฟา-ลิโนลินิค ที่มีอยู่ในวอลนัท เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยลดระดับความดันโลหิต แถมยังช่วยคงระดับความดันโลหิตให้อยู่ในภาวะสมดุลอีกต่างหาก

 

 

9. แก้ปัญหานอนไม่หลับ

          รู้ยังว่าวอลนัทมีเมลาโทนินอยู่ด้วยนะ และเมลาโทนินก็เป็นตัวที่คอยควบคุมนาฬิกาชีวิตของเรา ช่วยให้เรานอนหลับและตื่นได้ตามเวลาปกติ ไม่เกิดอาการนอนไม่หลับ นอนไม่พอ ดังนั้นหากจะบอกว่าวอลนัทเป็นอาหารที่ช่วยให้นอนหลับสบายก็คงไม่ผิดนัก

 


10. บำรุงเชื้ออสุจิให้แข็งแรง

          ทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเผยให้ทราบว่า การรับประทานวอลนัททำให้เชื้ออสุจิของผู้ชายแข็งแรงขึ้นได้จริง ๆ โดยอ้างอิงจากการสำรวจที่แบ่งผู้ชาย 2 ออกเป็นกลุ่มด้วยกัน ซึ่งผู้ชายกลุ่มแรกจะต้องรับประทานวอลนัททุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งนั้นไม่ให้รับประทานวอลนัทหรือถั่วชนิดอื่น ๆ เลย ผลปรากฏว่า เชื้ออสุจิของผู้ชายกลุ่มแรกมีความสมบูรณ์และแข็งแรงมากกว่าเชื้ออสุจิของผู้ชายกลุ่มที่สองอย่างเห็นได้ชัด

 

 

นำเข้าจาก USA

 

1. ลดคอเลสเตอรอล


          ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเผยว่า วอลนัทอุดมไปด้วยโฟเลท วิตามินอี และไขมันชนิดดี ที่แม้จะเป็นถั่วที่ให้แคลอรีค่อนข้างสูง แต่กลับไม่พบว่าวอลนัทเป็นส่วนเร่งน้ำหนักตัวให้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

          นอกจากนี้นักวิจัยจาก Yale University Prevention Research Center ก็ได้เผยข้อมูลการทดลองมาว่า กลุ่มอาสาสมัครที่รับประทานวอลนัทจำนวน 2 ออนซ์ หรือประมาณ 56 กรัม เป็นประจำทุกวันในระยะเวลานาน 6 เดือน จะมีระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้จะไม่ได้คุมอาหารอื่น ๆ ร่วมด้วยเลยก็ตาม

          ดังนั้นนักวิจัยจึงการันตีว่าวอลนัทสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้จริง และจะดีมากหากรับประทานวอลนัทประมาณ 1 กำมือต่อวัน

 



2. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

          วอลนัทเป็นพืชตระกูลถั่วที่อุดมไปด้วยโปรตีน มีไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งนอกจากจะช่วยลดระดับของคอเรสเตอรอลแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ สอดคล้องกับงานวิจัยที่ระบุว่าวอลนัทเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีประโยชน์มากสำหรับหัวใจ อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยปกป้องเยื่อบุหลอดเลือดแดงที่อาจเกิดการอุดตันจนทำให้หัวใจวายได้อีกต่างหาก

 

 

3. ช่วยลดน้ำหนัก

          วอลนัทปริมาณ 1 ออนซ์ หรือราว ๆ 28 กรัม มีปริมาณไฟเบอร์อยู่ 2 กรัม โปรตีน 4 กรัม และกรดไขมันโอเมก้า 3 2.5 กรัม จึงนับว่าเป็นอาหารที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้ โดยเฉพาะคนที่กำลังควบคุมอาหาร การรับประทานวอลนัทสัก 1 กำมือต่อวันจะช่วยให้คุณคอนโทรลแคลอรีของอาหารที่จะกินเข้าไปได้ดียิ่งขึ้น

 


4. ลดความเสี่ยงโรคอ้วนลงพุง

          สารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติต้านการอักเสบในวอลนัทเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยต่อต้านความเสี่ยงโรคอ้วนลงพุงได้ อีกทั้งโปรตีนและไฟเบอร์ในวอลนัทยังจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มท้อง เอื้อให้คุมอาหารได้ดีขึ้น

 


5. ป้องกันโรคเบาหวาน

          ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ลงใน Journal of Nutrition เผยว่า อาสาสมัครที่รับประทานวอลนัทปริมาณ 28 กรัม เป็นเวลา 2 ครั้งต่อสัปดาห์ มีแนวโน้มลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ราว 24% เลยล่ะ

 

 

6. ป้องกันความจำเสื่อม


          ดร.Abha Chauhan และคณะจาก New York State Institute ได้ทดลองให้หนูกินวอลนัทเป็นประจำและพบว่า วิตามินอีและฟลาโวนอยด์ในวอลนัทมีส่วนช่วยทำลายอนุมูลอิสระและเคมีร้ายบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับโรคสมองเสื่อม ทำให้หนูทดลองที่มีภาวะสมองเสื่อมมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
 


7. ลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

          นักวิจัยจาก Marshall University พบว่า หากรับประทานวอลนัทเป็นประจำทุกวัน ในปริมาณไม่ต่ำกว่า 56 กรัม จะช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมได้ โดยอ้างจากการทดลองที่ให้หนูกินวอลนัททุกวัน ซึ่งผลปรากฏว่า หนูทดลองมีแนวโน้มเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมลดลง และมีจำนวนเนื้องอกลดจำนวนลง อีกทั้งหนูที่ถูกวินิจฉัยว่ามีเนื้องอกอยู่ในตัว เนื้องอกเหล่านั้นก็มีขนาดเล็กลงด้วย

 



8. ลดความเครียด

          วอลนัทมีสรรพคุณเด็ดดวงตรงที่ช่วยลดความตึงเครียดได้ เพราะทั้งไฟเบอร์ สารต้านอนุมูลอิสระ กรดไขมันไม่อิ่มตัว โอเมก้า 3 และอัลฟา-ลิโนลินิค ที่มีอยู่ในวอลนัท เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยลดระดับความดันโลหิต แถมยังช่วยคงระดับความดันโลหิตให้อยู่ในภาวะสมดุลอีกต่างหาก

 

 

9. แก้ปัญหานอนไม่หลับ

          รู้ยังว่าวอลนัทมีเมลาโทนินอยู่ด้วยนะ และเมลาโทนินก็เป็นตัวที่คอยควบคุมนาฬิกาชีวิตของเรา ช่วยให้เรานอนหลับและตื่นได้ตามเวลาปกติ ไม่เกิดอาการนอนไม่หลับ นอนไม่พอ ดังนั้นหากจะบอกว่าวอลนัทเป็นอาหารที่ช่วยให้นอนหลับสบายก็คงไม่ผิดนัก

 


10. บำรุงเชื้ออสุจิให้แข็งแรง

          ทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเผยให้ทราบว่า การรับประทานวอลนัททำให้เชื้ออสุจิของผู้ชายแข็งแรงขึ้นได้จริง ๆ โดยอ้างอิงจากการสำรวจที่แบ่งผู้ชาย 2 ออกเป็นกลุ่มด้วยกัน ซึ่งผู้ชายกลุ่มแรกจะต้องรับประทานวอลนัททุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งนั้นไม่ให้รับประทานวอลนัทหรือถั่วชนิดอื่น ๆ เลย ผลปรากฏว่า เชื้ออสุจิของผู้ชายกลุ่มแรกมีความสมบูรณ์และแข็งแรงมากกว่าเชื้ออสุจิของผู้ชายกลุ่มที่สองอย่างเห็นได้ชัด

 

 

Walnuts ( whole )
ถั่ววอลนัทเม็ดเต็ม

รหัสสินค้า : 051-0013

สินค้าหมวด :   Nuts

รายละเอียด :



ราคา 630 บาท
(ต่อ 1 kg / pack )


  มีสินค้าในร้าน  
หยิบลงตะกร้า
Salty or Sweet
Ingredient , Equipment , Packaging